[เซินเจิ้น จีน วันที่ 30 มกราคม 2024] Huawei ได้เผยแนวโน้ม 10 อันดับแรกของเครือข่ายการชาร์จสำหรับปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มกราคมในธีม "การชาร์จคุณภาพสูงทุกที่" ในงานแถลงข่าว Wang Zhiwu ประธานเครือข่ายการชาร์จอัจฉริยะของ Huawei ได้อธิบายความหมายอย่างครอบคลุมถึงแนวโน้ม 10 อันดับแรกของเครือข่ายการชาร์จปี 2024 จากมุมมองของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
Wang Zhiwu กล่าวว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รถไฟฟ้า (EV) ได้เติบโตขึ้นเหนือความคาดหมาย ในอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนรถไฟฟ้าบนท้องถนนจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า และความต้องการชาร์จรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 8 เท่า เนื่องจากเครือข่ายการชาร์จที่ยังไม่สมบูรณ์ และเป็นปัญหาหลักของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าทั้งหมด การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีคุณภาพสูงจะสามารถเร่งการเจาะตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ (NEV) และส่งเสริมอุตสาหกรรมและระบบนิเวศในท้องถิ่น
เนื่องจากโลกกำลังเร่งการพัฒนาไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบขนส่งและความเป็นกลางทางคาร์บอน Huawei เผยแนวโน้ม 10 อันดับแรกของเครือข่ายการชาร์จในปี 2024 โดยอิงจากข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดและความมุ่งหวังสำหรับการชาร์จคุณภาพสูงทุกที่ไปพร้อมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม
แนวโน้มที่ 1: การพัฒนาคุณภาพสูง
การพัฒนาเครือข่ายการชาร์จคุณภาพสูงนั้นเป็นความมุ่งหวังร่วมกันทั้งอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางหลัก 4 ประการได้แก่ การวางแผนและการออกแบบที่เป็นเอกภาพ มาตรฐานทางเทคนิคที่เป็นเอกภาพ การกำกับดูแลของรัฐบาลที่เป็นเอกภาพ และ O&M ที่เป็นเอกภาพสำหรับผู้ใช้
แนวโน้มที่ 2: การชาร์จเร็วพิเศษที่ครอบคลุม
ด้วยการใช้สารกึ่งตัวนำไฟฟ้ารุ่นที่ 3 ที่สมบูรณ์และแบตเตอรี่แรงดันสูง ที่ใช้วัสดุอย่างซิลิคอนคาร์ไบด์และแกลเลียมไนไตรด์ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมุ่งสู่วิธีการชาร์จเร็วแบบพิเศษด้วยแรงดันไฟฟ้าสูง คาดการณ์ว่าในปี 2028 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จแบบเร็วพิเศษด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงจะมีมากกว่า 60% จากรุ่นรถยนต์ทั้งหมด
แนวโน้มที่ 3: ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ (NEV) กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เจ้าของรถยนต์โดยสารเข้ามาแทนที่เจ้าของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในฐานะผู้ใช้หลัก ดังนั้นความต้องการในการชาร์จกระแสหลักจะเปลี่ยนจากต้นทุนต่ำไปเป็นเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
แนวโน้มที่ 4: ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
การแทรกซึมในตลาดอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ NEV ทำให้อุตสาหกรรมเผชิญหน้ากับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความท้าทายอย่างมากในการรับประกันความปลอดภัยทางไฟฟ้าและความปลอดภัยทางไซเบอร์ เครือข่ายการชาร์จที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้จะต้องไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลความเป็นส่วนตัว ไม่มีการช็อตของไฟฟ้า ไม่มีอุบัติเหตุไฟไหม้ และไม่มีการหยุดชะงักของการให้บริการ
แนวโน้มที่ 5: การทำงานระหว่างรถยนต์-ระบบโครงข่ายไฟฟ้า
ระบบโครงข่ายไฟฟ้ากำลังเผชิญกับความแปรปรวนที่มากขึ้นในการผลิตและการใช้ไฟฟ้า เครือข่ายการชาร์จจะมีบทบาทสำคัญในระบบพลังงานใหม่ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานหลักไปพร้อมกับเส้นทางการเติบโตของโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยี การทำงานระหว่างรถยนต์และระบบโครงข่ายไฟฟ้าจะต้องผ่าน 3 เฟสหลักได้แก่ การทำงานร่วมกันทางเดียว การตอบกลับทางเดียว และการโต้ตอบแบบสองทาง
แนวโน้มที่ 6: การใช้ไฟฟ้าร่วมกัน
ที่ชาร์จในตัวแบบเดิมไม่รองรับการใช้พลังงานร่วมกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาในกรณีที่มี MAP ที่ไม่แน่นอน และ SOC ที่ไม่แน่นอน รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่แน่นอน และสถานะที่ไม่แน่นอนในระหว่างการชาร์จได้ ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากพลังงานระบบโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับการชาร์จจึงต่ำกว่า 10% เพื่อลดจุดบกพร่องนี้สถานที่ชาร์จจึงเปลี่ยนจากสถาปัตยกรรมที่ชาร์จในตัวไปเป็นสถาปัตยกรรมการใช้ไฟฟ้าร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของกำลังการชาร์จสำหรับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ในระดับ SOC นอกจากนี้ การกำหนดเวลาอัจฉริยะจะตรงตามความต้องการชาร์จของรถยนต์ทุกรุ่น และช่วยเพิ่มการใช้ประโยชน์จากพลังงานระบบโครงข่ายไฟฟ้า ลดต้นทุนการก่อสร้างสถานที่ และสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ในระยะยาว
แนวโน้มที่ 7: การชาร์จแบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเต็มรูปแบบ
สถานที่ชาร์จที่ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศตามกระแสหลักหรือโหมดระบายความร้อนกึ่งใช้ของเหลวมีอัตราการทำงานล้มเหลวต่อปีที่สูง และมีระยะเวลาการใช้งานที่สั้น เพิ่มต้นทุนการบำรุงรักษาของผู้ปฏิบัติงานในสถานที่เป็นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบแล้ว สถานที่ชาร์จที่ใช้โหมดการระบายความร้อนด้วยของเหลวอย่างเดียวจะมีอัตราการทำงานล้มเหลวต่อปีที่ต่ำกว่า 5% และมีระยะเวลาในการใช้งานมากกว่า 10 ปี และสามารถปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จึงสามารถลดต้นทุน O&M ลงได้
แนวโน้มที่ 8: การชาร์จปกติของไฟฟ้ากระแสตรง
ในสถานที่ที่มีที่จอดรถและที่ชาร์จในตัว รถยนต์สามารถคงการเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งพึ่งพาพื้นฐานการทำงานระหว่างรถยนต์-ระบบโครงข่ายไฟฟ้า ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้เป็นหลักได้ อย่างไรก็ตาม ที่ชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับไม่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์นี้ได้เนื่องจากข้อเสียหลัก 2 ประการ หนึ่งคือไม่มีการทำงานร่วมกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งทำให้ในอนาคตที่ชาร์จไม่สามารถรองรับ V2G ได้ ข้อเสียอีกประการคือไม่มีการทำงานระหว่างรถยนต์-ที่ชาร์จ เนื่องมาจากขาดเครื่องมือดิจิทัล สถานที่ในอนาคตที่มีที่จอดรถและที่ชาร์จในตัว โซลูชันการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงแบบกำลังไฟน้อยจะได้รับความนิยมมากกว่า และสามารถนำไปใช้ได้ในวงกว้าง เมื่อเทียบกับที่ชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับแบบเดิม โซลูชันการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงจะให้การชาร์จที่มีประสิทธิภาพ มีการใช้ประโยชน์พลังงานจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่สูงขึ้น และสามารถพัฒนาระยะยาวไปเป็นระบบชาร์จ V2G
แนวโน้มที่ 9: ไมโครกริดในสถานที่
ในอนาคต สถานที่ต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะผสานรวมระบบ PV, ESS, ที่ชาร์จ, โหลดไฟฟ้า, รถยนต์ และระบบคลาวด์ผ่านการจัดการบนระบบคลาวด์ที่เดียว เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากไฟฟ้าและระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เป็นมิตร
แนวโน้มที่ 10: ระบบอัจฉริยะทั้งหมด
การจัดการเครือข่าย สถานี อุปกรณ์ และรถยนต์แบบแยก มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนเครือข่ายการชาร์จดิจิทัลขั้นสูง สถานการณ์ดังกล่าวจะเปลี่ยนไปในอนาคต ฝ่ายที่แยกกันเหล่านี้จะถูกผสานรวมลงในเครือข่ายการชาร์จอัจฉริยะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันของรถยนต์-ที่ชาร์จ การทำงานระหว่างรถยนต์-ระบบโครงข่ายไฟฟ้า และ O&M แบบดิจิทัล
เราเป็นด่านหน้าของอุตสาหกรรมที่ให้คำมั่นสัญญาและพร้อมโอบรับอนาคตด้วยโอกาสดี ๆ มากมาย Huawei จะเพิ่มการวิจัยและพัฒนารวมถึงการลงทุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง และสร้างโซลูชันเครือข่ายการชาร์จที่เจ้าของรถยนต์จะชื่นชอบ ผู้ประกอบการจะเชื่อใจ และสามารถทำงานได้ง่าย ๆ กับระบบโครงข่ายไฟฟ้า Huawei จะยังทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างเช่นผู้ผลิตยานยนต์และผู้ประกอบการเพื่อสร้างระบบนิเวศ และมอบการชาร์จคุณภาพสูงทุกที่สำหรับเจ้าของรถยนต์เพื่อเดินทางได้ตามใจต้องการ